ลิ้มรสกาแฟไต้หวันจากฝีมือเจ้าของร้าน “หลุยซ่า คอฟฟี่ (Louisa Coffee)” พีคสุดๆ ในไต้หวัน

 

มร. คริส ฮวง (Mr. Chris Huang) ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป ร้านกาแฟหลุยซ่า ประเทศไต้หวัน กล่าวว่า ร้านกาแฟหลุยซ่า คอฟฟี่ ได้ขยายธุรกิจเข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทย นับเป็นแห่งแรกในต่างประเทศ ประเดิมสาขาแรกที่อัมรินทร์ พลาซ่า โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี เปิด 5 สาขา เนื่องจากไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวไทยขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงต่อการเติบโตของผู้ประกอบการแบรนด์ร้านกาแฟทั้งไทยและต่างชาติที่แห่เปิดตลาดไม่ขาดสาย สำหรับมูลค่าธุรกิจร้านกาแฟ ปี 2560 มีมูลค่า 21,220 ล้านบาท  ปี 2561 มูลค่า 23,470 ล้านบาท และปี 2562 มูลค่า 25,860 ล้านบาท (ที่มา : ศูนย์อัจฉริยะ เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร)

ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมกาแฟไทย/สมาพันธ์กาแฟอาเซียน พบว่าตลาดร้านกาแฟในไทย มีมูลค่าตลาดรวม 17,000 ล้านบาท (ทั่วไป 9,000 ล้านบาท/พรีเมียม 8,000 ล้านบาท) ชาวไทยมีการบริโภคกาแฟอัตราเฉลี่ย 0.5-1.0 กิโลกรัม/คน/ปี  สหรัฐอเมริกา 3.5 กิโลกรัม/คน/ปี  สแกนดิเนเวีย 10 กิโลกรัม/คน/ปี หรือโดยรวมคาดการณ์ว่า ในระยะเวลา 5 ปี (2561-2565) การบริโภคเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว เป็นกว่า 300,000 ตัน/ปี

ทั้งนี้ Louisa Coffee มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2006 ที่ไทเป ประเทศไต้หวัน ด้วยความหลงใหลในกาแฟ จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคนทำกาแฟที่มีคุณภาพ โดยใช้เวลาทั้งหมดกว่ารอบทศวรรษที่ผ่านมาในการสร้างสรรค์กาแฟที่ดีที่สุด โดยใช้กระบวนการคั่ว และการควบคุมอุณหภูมิ และพิถีพิถันในกรรมวิธีการชงเฉพาะตัว

ความสำเร็จของร้านมาจากหลากหลายองค์ประกอบ อาทิ ทำเล บาริสต้า การออกแบบร้าน ราคา คุณภาพ รสชาติกาแฟ ฯลฯ จากประสบการณ์การตอบรับของผู้บริโภค ทำให้เกิดจำนวนสาขาต่างๆ มากมาย ทำให้มั่นใจว่า “หลุยซ่า คอฟฟี่” ร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมระดับยักษ์ใหญ่ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไต้หวันแห่งนี้ จะถูกปากและถูกใจคอกาแฟชาวไทยด้วย

ปัจจุบัน หลุยซ่า คอฟฟี่ มีเครือข่ายสาขา 450 แห่งทั่วประเทศไต้หวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Coffee Journey” ด้วยการนำกาแฟพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพ คัดสรรจากแหล่งกาแฟท้องถิ่นในประเทศไทยและประเทศลาว พร้อมส่วนผสมชาจากประเทศอังกฤษและไต้หวัน จำหน่ายให้คอกาแฟในราคาที่สมเหตุสมผล และให้ความรู้สึกว่า หลุยซ่า คอฟฟี่ เป็น “Second Place” ของทุกๆ คนที่เข้ามาใช้บริการ

“ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผนวกกับมีความต้องการของร้านที่ต้องการขยายสาขาออกไปต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสในการเปิดเกมรุกขยายธุรกิจของหลุยซ่า คอฟฟี่”

ในเบื้องต้น การเปิดตลาดต่างประเทศของหลุยซ่า คอฟฟี่ มองการเจาะตลาดประเทศในโซนเอเชีย ซึ่งมีวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และความชื่นชอบใกล้เคียงกันเป็นอันดับแรก โดยประเทศไทยมีศักยภาพสูงทั้งด้านวัตถุดิบ การพัฒนาบุคลากร รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกวัน

กลยุทธ์ในการทำตลาดสาขาแรกของแบรนด์หลุยซ่า คอฟฟี่ จะใช้จุดแข็ง คือ วัตถุดิบ คัดสรรจากแหล่งท้องถิ่น ซึ่งประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดในโลก การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งคนไทยมีศักยภาพ มีความพิถีพิถันในกรรมวิธีการชงกาแฟ ตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่ากลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา และกลุ่มคนทำงาน

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายของร้านประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษา อายุ 20-25 ปี และกลุ่มอาชีพอิสระ อายุ 26-30 ปี นิยมพบปะสังสรรค์ที่ร้านกาแฟ โดยมาใช้บริการเพื่อดื่มกาแฟ นัดพบพูดคุยธุรกิจ หรือใช้อินเตอร์เน็ต โดยพบว่าจะดื่มกาแฟ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งทางร้านมีบริการเครื่องดื่มร้อนเย็นมากมายกว่า 40 เมนู ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50 ถึง 70 บาท เทียบกับตลาดร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมในศูนย์การค้าแล้ว “เท่ากัน” หรือ “ต่ำกว่า” คู่แข่ง 10-20% ในบางเมนู นอกจากนี้ การมองหาสถานที่ตั้งเน้นให้ใกล้กับใจกลางเมืองและศูนย์รวมธุรกิจ มหาวิทยาลัย เป็นอีกปัจจัยของความสำเร็จ

“การมองตลาดต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจ นโยบายร้านจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากมีความพร้อมและความมั่นใจในศักยภาพและกระบวนการขยายสาขาและมาตรฐานคุณภาพของสินค้า ซึ่งร้านหลุยซ่าในประเทศไต้หวัน ใช้เวลา 4 ปี ได้ขยายสาขา 50 ร้านทั่วประเทศ

มีหลักการพิจารณาก่อนขยายสาขา ดังนี้

  1. มีข้อกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในตลาดต่างประเทศ ศึกษาข้อมูลผู้บริโภค ศึกษาตลาดพฤติกรรมผู้บริโภค
  2. สร้างความแตกต่างและความโดดเด่นของสินค้า (สินค้าเกรดพรี่เมี่ยม แต่ราคาจับต้องได้)
  3. มองเวลาที่เหมาะสมกับจังหวะ (ประเทศไทยมีศักยภาพ ถึงแม้ตลาดกาแฟมีการแข่งขันสูง แต่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง)
  4. สร้างมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน (รสชาติและกรรมวิธีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ

ทางด้าน นายวงศ์พันธุ์ เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการ บริษัทหลุยซ่า คอฟฟี่ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ต้องการให้คนไทยได้ลิ้มรสกาแฟที่คุณภาพดี รสชาติอร่อย เป็นที่มาของ Coffee Business

“หลังจากที่ผมได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสร้าน Louisa Coffee ในประเทศไต้หวัน ก็ได้รู้ถึง passion ของคุณคริสเกี่ยวกับเรื่องกาแฟ บวกกับคุณภาพของ Louisa Coffee ได้ลองรสชาติแล้วมั่นใจ จึงอยากให้คนไทยได้ทานกาแฟดีๆ ระดับ Specialty Coffee และในราคาที่ทุกคนพอใจด้วย” ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนขยายสาขาในกรุงเทพฯ แบบค่อยเป็นค่อยไป ทำแต่ละสาขาให้ดีที่สุด คงคุณภาพตามที่ Louisa Coffee Original เคยทำไว้ ขณะเดียวกันให้มีความเหมาะสมกับตลาดกาแฟไทย ไลฟ์สไตล์คนไทยยุคใหม่ด้วย

ด้านคอกาแฟ  คุณคริส อยากเชิญให้มาลิ้มลองเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านด้วยสามอันดับแรก ได้แก่

Green Tea with Snow Cream 

Flat White 

Matcha Tea Latte  

 

สำหรับร้านกาแฟหลุยซ่า เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-20.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น.