“ประเทศไทย” หนึ่งในจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปี 2562 ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน โดยเฉพาะ “กรุงเทพมหานคร” ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก จากหลากหลายองค์กร
สำหรับการเดินทางที่ได้รับความนิยม ในการมาประเทศไทยมากที่สุดนั้น หนีไม่พ้นการโดยสารทางเครื่องบิน ที่มายังท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 2 แห่งจึงถือได้ว่าท่าอากาศยานนานาชาติ เป็นสถานที่ที่จะสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว หรือผู้มาเยือนจากต่างชาติได้เป็นอันดับแรก
แต่ความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางนี้เอง อาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศ “กรมควบคุมโรค” โดย “กระทวงสาธารณะสุข” ซึ่งเป็นองค์กรหลักด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค จึงได้มีการจัดตั้ง ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ในท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่งพร้อมได้รับความร่วมมือจาก ทอท. ในการตรวจสอบ,กวดขัน เฝ้าระวังโรคระบาดต่างๆ ทั้งนี้อีกนัยหนึ่ง ยังเป็นการสร้างมั่นใจให้กับท่องเที่ยว ในมาตรการ เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคของประเทศไทย ตามมาตรฐานระดับสากล
สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีระบบการหมุนเวียนอากาศที่ปิด อาจทำให้มีโอกาส ในการแพร่และรับโรคติดต่อทางเดินหายใจ จึงได้เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพ ให้ผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ขับขี่แท็กซี่ ซึ่งให้บริการรับส่งผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว ทั้งจากสนามบิน โรงแรม โรงพยาบาล หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นล้านเที่ยวในแต่ละวัน รวมถึง ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวัง ป้องกันการระบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สำคัญ รวมทั้งได้ทราบสถานะสุขภาพของตนเอง และมีความรู้ในการดูแลสุขภาพ ทั้งจากโรคความดันโลหิตสูง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรคติดต่อสำคัญ รวมถึงได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
เราจึงได้เห็นการบูรณาการความร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จัดทำเป็น “โครงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรคกลุ่มผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถแท็กซี่ ปี 2563” ภายใต้แนวความคิด “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยว มั่นใจ ปลอดภัยปลอดโรค” มีภารกิจ จัดตรวจสุขภาพของผู้ขับขี่แท็กซี่สาธารณะ ทั้งนี้เพื่อสร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถสาธารณะให้ผู้ขับรถแท็กซี่ เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพ ของผู้ให้บริการรถแท็กซี่กับนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นายแพทย์สุวรรณชัย ให้สัมภาษณ์ว่า แนวคิดการ “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” นี้ เพื่อสร้างความตระหนักในการป้องกันควบคุมโรคและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยมีความเสี่ยง 2 ด้าน คือ โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากรถแท็กซี่ติดตั้งระบบปรับอากาศ มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่และรับโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย และความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เนื่องจากมีกิจกรรมทางกายน้อย ปีนี้จะให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนกว่า 3,000 คน ประกอบด้วย การตรวจสุขภาพเบื้องต้น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอกซเรย์ปอด ทดสอบการมองเห็นระยะไกล หากพบเจ็บป่วยจะได้ส่งดูแลรักษาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้ดูแลสุขภาพ ทราบสถานะสุขภาพของตน
แบ่งเป็น บริการเชิงรับ สามารถเข้ารับการตรวจได้ที่ สถาบันของกรมควบคุมโรค, สถาบันบำราศนราดูร, สถาบันราชประชาสมาสัย และ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และ บริการเชิงรุก ตรวจสุขภาพเคลื่อนที่แก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง, TOT Academy โดย บริษัทแกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด, สำนักงานขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ มากกว่า 350,000 ราย ร้อยละ 34 ขับขี่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผลการตรวจคัดกรองภาวะสุขภาพของกลุ่มผู้ขับรถโดยสารสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ในปี 2559 พบผู้ป่วยวัณโรค ร้อยละ 2 และเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การตรวจสุขภาพผู้ขับขี่ในครั้งนี้ นอกจากผู้ขับขี่ได้รับการประเมินสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันให้มีสุขภาพที่ดี ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารว่าจะไม่ได้รับเชื้อโรคจากการใช้บริการรถสาธารณะ เกิดความมั่นใจทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว