บูมอีสานตอนบน ททท.จัดแคมเปญ “ประชุม..เที่ยว เรื่องเดียวกัน ที่ขอนแก่น” มาเกินร้อย ผู้ว่าฯ ต้อนรับเอง

 

  • ขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
  • ปีที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยว 4,000,000 ล้านคน หวังโต12% เตรียมที่พักรองรับนักท่องเที่ยวราว 5,000,000 – 6,000,000 คน ด้วยโรงแรม 400 แห่ง รวมกว่า 10,000 ห้อง
  • การคมนาคมสะดวก รถไฟ /รถรางคู่ปีหน้าเสร็จ / เที่ยวบิน 32 ไฟลท์ต่อวัน / ความเข้มแข็งของหน่วยงานชุมชน เทศบาลรวมกัน 5 แห่งเตรียมลงทุนสร้างรถไฟฟ้าวิ่งในตัวเมือง
  • ผู้คนในจ.ขอนแก่น เป็น smart people /smart city /active people มีความพร้อมในการเปิดรับ / จัดประเพณีผูกเสี่ยว ผูกมิตร 26 อำเภอ พร้อมเตรียมแพ๊คเกจกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง อย่าง ร้อยเอ็ด สารคาม กาฬสินธุ์
  • เล็งกลุ่มจัดประชุม เนื่องจากมีศักยภาพ จึงผนึกกำลังกับ ทีเส็บ ชวนประชุม 2 วัน เที่ยว 2 วัน รายได้ทวีคูณสองเท่า / จัดประชุม 100 คนขึ้นไปมี support ผู้ว่าฯ ต้อนรับ, การแสดงจัดเต็ม

ททท. ผสาน สสปน. เร่งเครื่องเตรียมผลักดันจังหวัดขอนแก่นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก เดินหน้าโครงการ “ประชุม..เที่ยว เรื่องเดียวกัน ที่ขอนแก่น”   กระตุ้นนักเดินทางกลุ่ม MICE ให้มีกิจกรรมท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นตามกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อการประชุม ตอกย้ำภาพลักษณ์ ขอนแก่น MICE City  ภายใต้โครงการ       Khon Kaen NEW BIZ ปี 2561 หวังเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ต้องไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาทและกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจฐานราก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.)  ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) และจังหวัดขอนแก่น ผนึกกำลังเพื่อผลักดันให้จังหวัดขอนแก่นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างยั่งยืน โดยเดินหน้าโครงการ “ประชุม..เที่ยว เรื่องเดียวกัน ที่ขอนแก่น”  เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักเดินทางกลุ่ม MICE ให้เดินทางเข้ามาจังหวัดขอนแก่นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี โดยนำเสนอภาพลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่นที่กำลังจะมุ่งสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ( Smart City ) ในอนาคต  และยังได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ประเพณี วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงมีโรงแรม ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักเดินทางกลุ่ม MICE  ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำภาพลักษณ์เมืองแห่ง MICE City  ที่มีความพร้อมและเป็นศูนย์กลางแห่งการประชุมสัมมนาในภูมิภาค และโดยในปีนี้ ททท. ได้ส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ด้วยแนวคิด  “ประชุม..เที่ยว เรื่องเดียวกัน ที่ขอนแก่น” เพื่อกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่ม MICE  มีกิจกรรมทางด้านการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ปัจจุบันจังหวัดขอนแก่นได้รับการจัดให้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักด้วยศักยภาพของจังหวัดที่มีความพร้อมทั้งในแง่ของการเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่ เป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุน  การคมนาคม และจะเป็นศูนย์กลางตามกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อการประชุมและนิทรรศการ ในฐานะเป็น MICE City 1 ใน 5 พื้นที่ของประเทศ ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับการท่องเที่ยว การจัดประชุม สัมมนาและนิทรรศการทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ มีการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้จังหวัดขอนแก่นยังมีแผนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองขอนแก่น กำลังดำเนินการขยายสนามบินขอนแก่นให้เป็นสนามบินนานาชาติ เพื่อรองรับเที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวและนักเดินทางกลุ่ม MICE ที่จะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ททท.จึงผลักดันให้จังหวัดขอนแก่นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 ตามแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2560- 2564 ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดรองเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน และในปี 2561 ททท. ยังคงดำเนินการผลักดันจังหวัดขอนแก่นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าขอนแก่นจะก้าวขึ้นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักแล้วก็ตาม เพื่อให้ขอนแก่นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างยั่งยืน โดยกำหนดเป้าหมายจำนวนผู้มาเยือนเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว (Visitor) ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนต่อปี

สำหรับโครงการ“ประชุม..เที่ยว เรื่องเดียวกัน ที่ขอนแก่น” ภายใต้โครงการ Khon Kaen New Biz ปี 2561  เป็นอีกโครงการที่เป็นความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) โดยเชื่อมโยงการจัดประชุมและการท่องเที่ยวมาผนวกเข้าด้วยกัน เพื่อดึงดูดให้นักเดินทางโดยเฉพาะกลุ่ม MICE ที่เดินทางเข้ามาจังหวัดขอนแก่น เพื่อการมาประชุม หรือสัมมนา และดูงาน มีกิจกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มเข้าไปด้วย จังหวัดขอนแก่น ก็ได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยว มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ งานเทศกาล ประเพณีต่างๆ ให้มาสัมผัสตลอดทั้งปี  และจังหวัดขอนแก่นยังมีความพร้อมทางด้านของที่พัก  โรงแรม ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ที่สามารถรองรับการมาเยือนของนักเดินทางกลุ่ม MICE ได้อย่างครบครัน  และนอกจากการท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อเพื่อไปท่องเที่ยวในจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกด้วย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บเข้ามามีบทบาทส่งเสริมไมซ์ในขอนแก่นจนเข้าสู่ปีที่ 10 และพัฒนาไมซ์กระจายความเจริญไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ในปัจจุบัน ทำให้ในปี 2560 มีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ภายในประเทศ 474,000 คนที่จังหวัดขอนแก่น สร้างรายได้ให้แก่จังหวัดมากถึงประมาณ 956 ล้านบาท

ในปัจจุบัน ทีเส็บ ร่วมกับจังหวัดขอนแก่นและทุกภาคส่วนดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ เพื่อพัฒนา “ขอนแก่นเป็นเมืองจุดหมายการประชุมไมซ์จากการจัดอันดับ 10 เมืองในอาเซียน” ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1. ส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ขอนแก่นสู่การเป็นศูนย์กลางไมซ์ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 2. ยกระดับการ บริการ สร้างโอกาสให้กิจกรรมไมซ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3. พัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่ และ 4. พัฒนามาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรและสถานที่จัดการประชุมสัมมนา เป็นกลุ่มประชุมสัมมนาองค์กรและสมาคมถึง 60% และเป็นที่ทราบกันดีว่าขอนแก่นเป็นเมืองไมซ์ซิตี้ที่มีภาพลักษณ์โดดเด่นในการเป็นเมืองแห่งการประชุมสัมมนาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติของจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ

ด้านการพัฒนาศักยภาพและบุคลากรไมซ์ ทีเส็บทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้ “โครงการการตั้งศูนย์เครือข่ายด้านการศึกษาไมซ์ในภูมิภาค” (MICE Academic Cluster) เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจไมซ์และความต้องการของผู้ประกอบการไมซ์ กลุ่มภาคการศึกษา และจังหวัดขอนแก่น ร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้และยกระดับมาตรฐานบุคลากร ลดความเหลื่อมล้ำ และก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป “ทีเส็บ เห็นชัดว่าขอนแก่นมีศักยภาพสูง มีความพร้อมสูง ดังนั้น ความร่วมมือกันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการนำการท่องเที่ยวและการเดินทางธุรกิจเข้ามาร่วมพัฒนาประเทศ ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะโครงการ“ประชุม..เที่ยว เรื่องเดียวกัน ที่ขอนแก่น” ใช้แนวคิดส่งเสริมกิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประชุม คือ กิจกรรมท่องเที่ยว เพื่อขยายระยะเวลาพำนักของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในขอนแก่น เช่น การแสดงทางวัฒนธรรม และการจัดทัวร์ชมสถานที่ในจังหวัด ทั้งนี้ได้จัดทำแพคเกจสนับสนุนการจัดงานไมซ์ 2 ประเภท ได้แก่ แพคเกจสนับสนุนการประชุมและอินเซนทิฟ (Meetings & Incentives) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการเดินทางข้ามจังหวัดและพักค้างคืนในจังหวัดขอนแก่น และแพคเกจสนับสนุนการประชุมวิชาการ (Conventions) คือ เป็นการประชุมทางวิชาการ และพักค้างคืนในจังหวัดขอนแก่น เริ่มตั้งแต่มีนาคมถึงกันยายน 2561

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งในเรื่องการค้าการลงทุนและบริการ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นชุมทางคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน กว่า 32 เที่ยวบินต่อวัน เชื่อมโยงทั้ง ขอนแก่น-กรุงเทพฯ, ขอนแก่น-เชียงใหม่,ขอนแก่น-หาดใหญ่ และขอนแก่น-ภูเก็ต มีโรงแรมที่พักที่มีสามารถรองรับผู้มาเยือนกว่า 366 แห่ง หรือคิดเป็นห้องพักกว่า 10,068 ห้อง พรั่งพร้อมด้วยโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน และศูนย์แพทย์เฉพาะทางที่ได้มาตรฐาน มีสถานที่จัดกิจกรรมประชุมสัมมนา ร่วมทั้งการแสดงสินค้าขนาดใหญ่ และมุ่งสู่การเป็นมหานครแห่งอาเซียน ด้วยโครงการรถไฟรางคู่-ทางรถไฟสายใหม่ (บ้านไผ่-นครพนม), โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรางเบา (เฟส 1 สายเหนือ-ใต้) การดำเนินการพัฒนาจังหวัดสู่ Smart City จึงเชื่อแน่ว่าจังหวัดขอนแก่นมีความพร้อมที่จะก้าวเขาสู่เมืองท่องเที่ยวหลักอย่างยั่งยืน เมื่อประกอบกับอัธยาศัยไมตรีของคนขอนแก่น อาหารการกิน ขนบประเพณีวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งแหล่งศึกษาดูงานต่างๆ ก็จะทำให้ผู้ที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดขอนแก่นเกิดความประทับใจและมีความรู้สึกคุ้มค่า  จังหวัดจึงได้มีแผนการพัฒนาปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรทางการท่องเที่ยวให้มีความพร้อมในการต้อนรับผู้เยี่ยมเยือนและเป็นมาตรฐาน และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในภาคธุรกิจอันจะก่อให้เกิดการจ้างงานและมีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่น  ส่งผลดีต่อการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้น้อยลงได้”