บิ๊กบอส “เมโทรโพลิส สำโรง” ย้ำจุดยืน “เอ็นจิเนียริ่ง” มากกว่า “คอสเมติค” เพราะทรัพย์สินต้องวัดกันระยะยาว

กราบบหัวจัยยย!!! ว๊าวสุดนาทีนี้ ขอเสนอโครงการฯ นี้เลย “เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์”  ดำเนินการโดยบริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือ ว่องไววิทย์ อุตสาหกรรมจักรกล จำกัด โดย คุณเฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการผู้จัดการ  จัดงาน  “เปิดบ้านครั้งแรก” โครงการ คอนโดมิเนียม Hi rise 30 และ 39 ชั้น และ Low rise 7 ชั้น  พร้อมจุดขายเพียง  0 ก้าว สู่สองสถานีด้วยกัน  บนพิกัดเหนือกว่าทุกโครงการฯ  “ติด” สถานี BTS สำโรงและสถานี MRT สำโรง-ลาดพร้าว ล่าสุดสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งมอบห้องชุดให้ลูกค้ากลุ่มแรกแล้ว  โดย บิ๊กบอส คุณเฉลิมชัย ที่มีดีกรีพ่วงท้ายเป็นวิศวกร  ลงสนามเองควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน อาสาพาลูกบ้านตรวจรับด้วยตัวเอง  โชว์สเปควัสดุที่ให้แบบเกินมาตรฐาน โครงสร้างแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมของแถมนอกโปรแกรมทุ่มไปรวมๆ กว่า 150 ล้านบาท  เนรมิต “Sky Lounge/Sky deck พร้อม Onsen และสวนลอยฟ้า” บนชั้นดาดฟ้าให้กับลูกบ้านในโครงการฯ เพื่อขึ้นไปชมวิวรอบทิศที่ไม่มีใครเทียบได้

ย้ำจุดเด่น ให้ความสำคัญกับ  “เอ็นจิเนียริ่ง”  มากกว่า  “คอสเมติค” เพราะทรัพย์สินต้องวัดกันระยะยาว คนซื้อต้องได้กำไร

 

คุณเฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการผู้จัดการ  ให้สัมภาษณ์ สำหรับโครงการ The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์) เป็นคอนโดมิเนียม High Rise  โครงการฯ แรกของบริษัทฯ มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท เปิดขายตั้งแต่เดือน เมษายน 2558 ทั้งหมดประกอบด้วย  3 อาคาร  รวม 1,721 ยูนิต ปัจจุบันสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งมอบ เหลือขายเพียง 200 ยูนิตสุดท้ายเท่านั้น จากราคาเริ่มต้น  1 Bedroom 35 – 45 ตารางเมตร ,  2 Bedrooms 52 – 53 ตารางเมตร และขนาดเล็กสุด  Studio 28 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาท  โครงการฯ ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากกลุ่มคนในพื้นที่ ซื้อที่อยู่อาศัยรองรับครอบครัวขยาย รวมถึงกลุ่มคนทำงาน-นักลงทุน  ที่ส่วนใหญ่เงินเดือนประมาณ 50,000 บาทเป็นต้นไป เข้ามาจับจอง เนื่องด้วยพิกัดโครงการฯ จูงใจ ชนิดหาไม่ได้อีกแล้ว เพราะตั้งอยู่ติดกับสถานีสำโรง ซึ่งในอนาคต สถานีสำโรงจะเป็นสถานี อินเตอร์เชนจ์ (Interchange)  เชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (เทพารักษ์ – ลาดพร้าว) จัดเป็นทำเลที่ดีมากติดรถไฟฟ้าเพียง 0 ก้าว  ประหยัดเวลา สู่ใจกลางเมืองอย่างสะดวกสบายใช้เวลาเดินทางไปทองหล่อแค่ 16 นาที

นอกจากนี้ยังเผยถึงแนวคิดและขั้นตอนความพิถีพิถันในการขึ้นโครงการฯ นี้ว่าผมให้ความสำคัญกับ  “เอ็นจิเนียริ่ง”  มากกว่า  “คอสเมติค” ด้วยแบ๊คกราวน์ที่ทั้งครอบครัวเป็นวิศวกร เราคิดว่าถ้าโครงสร้างแข็งแรง ระบบดีได้มาตรฐานสูง จะทำให้อาคารมีค่าบำรุงรักษาที่ถูกลงในระยะยาว อาคารอยู่ได้นานหลายๆสิบปี ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าทุกท่านมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว เราคิดเสมอว่าลูกบ้านของเราน่าจะเหมือนได้อยู่ฟรี เพราะราคาน่าจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ  ด้วยศักยภาพของทำเลอย่างเดียวก็กินขาดแล้ว  และหากอาคารมีสภาพที่ดีในระยะยาว มีการดูแลสังคมที่ดี ผมก็เชื่ออีก 5-10 ปี ราคาจะขึ้นไปอีกมากพอสมควร

ตึกของเราจึงสร้างด้วยมาตรฐานที่สูงมากครับ  ยกตัวอย่าง โครงสร้างของอาคารแข็งแรงมาก ผู้รับเหมายังบอกว่าเราอาจจะ overdesign มากเกินไปเพราะใช้เหล็กเกินมาตรฐานทั่วๆไป  แต่เรากลับคิดว่าอาคารที่โครงสร้างแข็งแรง อาจจะแพงหน่อยในวันนี้ แต่ในระยะยาวย่อมจะมีคุณค่ามากกว่า เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสร้างอาคารที่ดี ที่แข็งแรงให้กับลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะเห็นหรือให้ความสำคัญหรือไม่  ส่วนวัสดุที่เรานำมาเป็นหน้าต่าง เราใช้กระจกลามิเนตหนาถึง 8 มม. และใช้เฟรม upvc ของบริษัท Deceuninck จาก Belgium ซึ่งเราน่าจะเป็นโครงการอาคารสูงรายแรกในประเทศไทยที่ใช้ของมาตรฐานสูงขนาดนี้  มีการทดสอบในอุโมงค์ลมว่าทนแรงลมได้ประมาณ 180 กม/ชม พายุมาเต็มๆเรายังสบายๆ น้ำไม่เข้าห้องแน่นอน และ upvc นี้จะเป็นสีขาวเหมือนใหม่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีก็ตาม แม้กระทั่งระบบไฟฟ้าโดยรวม เราได้ถึงขนาดเผื่อกำลังไฟฟ้าอาคารให้พอใช้หากรถยนต์ในอนาคตจะเป็นรถใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก  ส่วนเรื่องน้ำท่วมเราได้ยกระดับ 0.0 เหนือถนนสุขุมวิทไว้เกือบ 80 ซม. ถ้าน้ำท่วมโครงการ ข้างนอกก็คงต้องพายเรือแล้วครับ  รับประกันความปลอดภัยและความสะดวกสูงที่สุดแล้วครับ

ส่วนเรื่อง cosmetics เป็นเรื่องรองเพราะสามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก  แต่จะว่าไป เราใช้concept ว่าของเราเป็น affordable luxury ซึ่งเรารับประกันได้ว่าในราคาที่เราขาย ไม่มีโครงการไหนสู้เราได้ในเรื่องการออกแบบห้อง และการตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ของ Modernform ระดับ luxury และวัสดุเกรดดีทุกชิ้นที่เราเลือกเข้ามาใส่ให้ห้องหรูหราเป็นที่ภูมิใจของเจ้าของห้อง

ด้านกลยุทธ์การตลาด หรือ การสร้างแบรนด์ เนื่องจากเราเพิ่งจะทำสองโครงการฯ คนรู้จักเราไม่เยอะ งบการตลาดใช้ไม่มาก ของดีไม่ต้องโฆษณามาก เอางบโฆษณามาใส่ของเพิ่มให้ลูกค้าดีกว่า ลูกค้าเห็นแล้วอดซื้อไม่ได้ ดีกว่าของที่เสียค่าโฆษณาเยอะแต่อาจจะไม่ดีจริง ลูกค้ามาเยอะแต่ไม่ซื้ออยู่ดี ก็ไม่ประโยชน์อันใด คิดว่าทำสินค้าดีๆให้กับลูกค้า เกิดความประทับใจแบบปากต่อปากดีกว่า เราให้มากกว่าที่พูดเยอะเลย  ผมใช้นโยบายที่ว่าเราต้องสามารถทำให้เหนือความคาดหมายของลูกค้าให้ได้ เราถึงจะมีความสำเร็จในด้านการตลาด เราเชื่อว่าที่ผ่านมาทั้งในโครงการที่เคยทำมากับโครงการนี้ เราสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราได้พอสมควรครับ

โครงการ The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์)    ประกอบด้วย   3 อาคาร  รวม 1,721 ยูนิต   รายละเอียดแบ่งเป็น  อาคาร A  สูง 39 ชั้น รวม 1,035 ยูนิต, อาคาร B สูง 30 ชั้น รวม  542 ยูนิต และ Low Rise อาคาร C สูง 7 ชั้น จำนวน 144 ยูนิต รวมอาคารจอดรถ 5 ชั้น 1 อาคาร รวมที่จอดรถไม่รวมซ้อนคันประมาณ  43 เปอร์เซ็นต์) สำหรับรูปแบบห้อง แบ่งเป็น Studio 28 ตารางเมตร, 1 Bedroom 35 – 45 ตารางเมตร , 2 Bedrooms 52 – 53, ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร  นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ประกอบด้วย   โถงล็อบบี้ขนาดใหญ่ บริเวณ ชั้น 6,  สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ ขนาด 12 x 28 เมตร(อาคารA), 12 x 30 เมตร(อาคารB)  และสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.3 เมตร, ห้องออกกำลังกาย, สวนหย่อมรอบโครงการ, สนามแบดมินตัน 2 สนาม, ห้องไดร์ฟกอล์ฟ, ห้องอเนกประสงค์, ลิฟท์โดยสารความเร็วสูง ที่อาคาร A,B 4 ตัว/อาคาร และที่อาคาร C,D 2 ตัว/อาคาร, Service Lift 1 ตัว/อาคารระบบความปลอดภัย CCTV / Face recognition building access/ Smart digital Kevo door lock /License plate reader parking system

ปัจจุบันสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% พร้อมส่งมอบในเดือน ต.ค. นี้เป็นต้นไป  นอกจากนี้ยังเผยไฮไลท์ เตรียมเปิด Sky lounge/ Sky deck บนชั้น 39 ให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกบ้านอีกด้วย